Limited Edition ถือเป็นการทำตลาดที่ช่วยสร้างสีสันและความแตกต่างให้กับแบรนด์หรือตัวสินค้า จึงมักถูกนำมาใช้ในช่วงที่สถานการณ์ในตลาดเริ่มอิ่มตัวและมีการแข่งขันสูง เช่น สินค้าประเภทไอที เสื้อผ้าหรือสินค้าแบรนด์ อาหารและเครื่องดื่ม ฯลฯ เพื่อเป็นการสร้างโอกาสทางการตลาดต่อสินค้าให้มีมูลค่าสูงขึ้น แต่ทั้งนี้ ก็ขึ้นอยู่กับการกำหนดกลุ่มลูกค้าเป้าหมายหรือกลุ่มตลาดเป้าหมาย ต้นทุนและราคาด้วย

      การทำการตลาด Limited Edition นั้น จะต้องรู้จักกลยุทธ์แบบผลักและดึง (Push-Pull Strategy) กลยุทธ์แบบผลักคือการที่เจ้าของแบรนด์พยายามผลักดันให้ลูกค้ามาซื้อสินค้าหรือบริการ ไม่ว่าจะเป็นการกระจายสินค้าให้หาซื้อได้ง่าย สร้างตัวแทนขาย โฆษณาผ่านสื่อ หรือจัดโปรโมชั่น เป็นต้น ส่วนกลยุทธ์แบบดึงจะเป็นการสร้างแรงจูงใจให้ลูกค้าเกิดความอยากซื้อหรืออยากรับรู้ข้อมูลผลิตภัณฑ์ ซึ่งการทำการตลาด Limited Edition จะใช้กลยุทธ์แบบดึงเป็นหลักด้วยเทคนิค ดังนี้

       1. เปลี่ยนสินค้าที่ขายไม่ออกให้ขายดี

      สินค้าบางประเภทตอบโจทย์ลูกค้าเฉพาะบางกลุ่มหรือแม้ว่าจะจัดโปรโมชั่นดึงดูดความสนใจก็แล้ว ปรับแต่งเพิ่มเติมให้พิเศษก็แล้ว แต่ก็ยังไม่ทำให้ยอดขายกระเตื้องขึ้นมา จนอาจจะตัดสินใจเลิกขายสินค้าตัวนั้นไป หากลองปรับวิธีการขายให้เป็นแบบ Limited Edition ที่มีขายเฉพาะบางช่วงหรือจำกัดการขายให้เกิดกระแสกับลูกค้าที่ตื่นเต้นกับสินค้านั้น สิ่งที่ตามมาคืออาจมีคนที่อยากได้มากขึ้น อยากรับรู้ข้อมูลสินค้าและอยากรู้อยากลองด้วยตนเอง รวมทั้งใช้ช่องทางการตลาดอื่นควบคู่กันไปด้วย ศึกษาเพิ่มเติมได้ที่ เริ่มธุรกิจด้วย Social Commerce ยังไงให้ประสบความสำเร็จ

       2. เพิ่มเอกลักษณ์ให้กับสินค้า

      การเพิ่มเอกลักษณ์ให้กับสินค้าหรือร้านค้าให้ดูแตกต่างจากร้านค้าทั่วไป จะทำให้แบรนด์นั้นมีความพิเศษและน่าค้นหามากขึ้น เช่น สตาร์บัคส์ มักสร้างความเฉพาะตัวให้กับแต่ละสาขา โดยการตกแต่งร้านให้มีลักษณะพิเศษโดยเฉพาะพื้นที่ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว จนกลายเป็นเอกลักษณ์ที่นักท่องเที่ยวต้องแวะไป แถมยังกลายเป็นจุดท่องเที่ยวอีกด้วย รวมทั้งยังมีเมนูเครื่องดื่ม คอลเล็กชั่นของสะสมต่างๆ ที่หาได้เฉพาะสตาร์บัคส์บางสาขาหรือเฉพาะบางช่วงเท่านั้น

       3. ออกแบบผลิตภัณฑ์เฉพาะช่วงเวลา

      การออกสินค้าคอลเล็คชั่นใหม่ที่มีขายแค่ช่วงเทศกาลนั้นโดยเฉพาะ เช่น วันคริสต์มาสต์ วันวาเลนไทน์หรือวันตรุษจีน ที่มีแค่ปีละครั้ง จะสร้างความตื่นเต้นให้กับลูกค้าได้มาก ไม่ว่าจะเป็นลวดลาย โทนสี เรื่องราว ที่มีความพิเศษกว่าสินค้าปกติทั่วไป ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ แบรนด์เครื่องสำอาง ที่มักออกคอลเล็คชั่นใหม่เป็น Limited Edition โดยออกแบบผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ ที่มีความแตกต่างจากผลิตภัณฑ์ที่วางขายตามปกติ เช่น เปลี่ยนแพคเกจจิ้งให้เข้ากับธีมแต่ละเทศกาล รวมทั้งมีการสร้างเรื่องราวให้น่าสนใจมากยิ่งขึ้น วิธีนี้จะทำให้ลูกค้ารู้สึกพิเศษเมื่อได้ครอบครองสินค้าและตั้งตารอคอลเล็คชั่นใหม่ๆ ในอนาคต

      การใช้การตลาดแบบ Limited Edition จึงเป็นการสร้างความแตกต่างให้กับสินค้าและสร้างกระแสในตลาด เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายสนใจและเป็นการทดลองตลาดไปในตัว นอกจากเรื่องของยอดขายและมูลค่าเพิ่มจากการขายแล้ว ยังช่วยสร้างแฟนคลับให้กับแบรนด์ได้อีกทางหนึ่งด้วยอย่าง Taobao และ Tmall แพล็ตฟอร์มออนไลน์ ก็มีการทำแคมเปญ 11.11 วันคนโสด หรือ 12.12 ในช่วงส่งท้ายปี จนสามารถสร้างยอดขายถล่มทลายได้ในชั่วข้ามคืน

       อย่างไรก็ตาม การใช้การตลาดแบบ Limited Edition ต้องควบคู่ไปกับคุณภาพของสินค้าและบริการ ซึ่งพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์สามารถชิปปิ้งสินค้าหรือวัตถุดิบจากเว็บ 1688 ที่เป็นเว็บไซต์ขายส่งสินค้า นอกจากนี้ 1688 ยังให้บริการออกแบบตราสินค้า รวมทั้งบรรจุภัณฑ์ต่างๆ ให้เป็นแบรนด์เฉพาะหรือสินค้า Limited Edition ของตนเองได้อีกด้วย โดยสามารถสั่งซื้อได้ง่ายๆ ผ่าน Truetaobao พร้อมให้บริการนำเข้าสินค้าจากจีนมาไทย และจัดส่งถึงที่ทั่วประเทศ