สำหรับเว็บสั่งของจากจีนในเครือ Alibaba ที่ผู้นำเข้าคนไทยรู้จักและคุ้นหูเป็นอย่างดี อาทิ Taobao Tmall  และ 1688 โดยทั้ง 3 แพล็ตฟอร์มนี้มีความแตกต่างกันหลายประการ ทั้ง โมเดลธุรกิจ และมีการแยกกลุ่มเป้าหมายอย่างชัดเจน ดังต่อไปนี้

Taobao

         ในปี 2015 ยอดขายของ Taobao ทะลุสูงถึง 1.59 ล้านล้านหยวน ก่อนจะเพิ่มขึ้นเป็น 3.11 ล้านล้านหยวนในปี 2019 จนส่งผลให้ Taobao  กลายเป็นเว็บสั่งของจากจีนที่มียอดขายออนไลน์สูงสุดถึง 515 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ (Statista 2019) ตามมาด้วย Tmall (ยอดขาย 432 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ) และ Amazon (ยอดขาย 344 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ) ดังนั้น จึงเห็นได้ชัดว่ารายได้จาก Taobao เป็นรายได้หลักของ Alibaba สำหรับจุดเด่นของ Taobao นั้น ได้แก่

•         เป็นแพลตฟอร์มค้าปลีกแบบ C2C ที่เปิดโอกาสให้ผู้บริโภคสามารถทำการซื้อขายสินค้ากันเองได้โดยตรง
•         เก็บค่าใช้จ่ายก็ต่อเมื่อผู้ขายต้องการทำการตลาดหรือโฆษณาสินค้า
•         มีผู้ขายสินค้าใน Taobao ราว 400 ล้านราย ทำให้ผู้บริโภคสามารถเลือกซื้อสินค้าได้หลากหลาย
•         Taobao นิยมการขายแบบ Live Streamimg ทำให้ลูกค้ามีส่วนร่วมกับทางร้านค้าอย่างใกล้ชิด
•         คุณจะได้รับคำตอบเกี่ยวกับสินค้าภายในเวลาเพียงไม่กี่วินาทีจากร้านค้าใน Taobao

Tmall

       แหล่งรวมแบรนด์ดังอันดับต้นๆในประเทศจีน มีส่วนแบ่งทางการตลาดสูงถึง 50% จากการสำรวจล่าสุดของ iResearch โดยมุ่งเน้นไปที่การกระจายสินค้าแบรนด์เนมให้เข้าถึงกลุ่มผู้บริโภค ซึ่งสินค้าใน Tmall จะไม่มีสินค้าเลียนแบบลิขสิทธิ์หรือสินค้าย้อมแมวปะปนอยู่ สำหรับจุดเด่นของ Tmall มีดังนี้

•         เป็นแพลตฟอร์มค้าปลีกแบบ B2C (Business to Customer) ที่ธุรกิจขายสินค้าหรือบริการให้กับผู้บริโภคโดยไม่ผ่านคนกลาง
•         เก็บค่าใช้จ่ายเป็นเปอร์เซนต์ของยอดขายและมีค่าบริการรายปี
•         ร้านค้าใน Tmall เป็นร้านค้าแบรนด์ดังที่เข้าร่วมมากกว่า 70,000 ร้านค้า ซึ่งประกอบไปด้วยบริษัทต่างชาติและในประเทศจีน สินค้ามีความหลากหลายสูง
•         มีระบบการซื้อขายที่ปลอดภัยต่อผู้บริโภคและผู้ขาย ทำให้ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว

1688.com

         เว็บสั่งของจากจีนที่เป็นแพลตฟอร์มขายส่งขนาดใหญ่ที่สุดของจีน เป็นแหล่งรวมผู้ผลิตที่เป็นโรงงาน และผู้ประกอบการรายใหญ่หลายราย ลูกค้าของ 1688.com ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจ ที่นิยมสั่งซื้อหรือสั่งผลิตในปริมาณมาก เนื่องจากยิ่งซื้อมาก ยิ่งได้ราคาที่ถูกลง 

•         เป็นแพลตฟอร์มค้าส่ง มีโมเดลทางธุรกิจแบบ B2B (Business-to-Business) และ B2C (Business to Customer)
•         เก็บค่าบริการสมาชิกและค่าใช้จ่ายที่เป็นบริการเสริม  เช่น การวิเคราะห์ข้อมูลและบริการด้านการตลาดออนไลน์
•         มีซัพพลายเออร์มากกว่า 50,000 รายในระบบ

        จะเห็นได้ว่าทั้ง 3 เว็บสั่งของจากจีนนี้ มีกลุ่มเป้าหมายที่แตกต่างกัน ผู้ที่ต้องการสั่งซื้อสินค้าจากจีนจึงควรพิจารณาและเลือกซื้อให้เหมาะสมกับความต้องการ อย่างไรก็ตาม ด้วยความที่เว็บไซต์ให้บริการเป็นภาษาจีน และร้านค้าในระบบไม่พูดภาษาอังกฤษ ผู้สั่งซื้อจึงควรใช้ Google แปลภาษาหรือใช้บริการจากตัวแทนสั่งซื้อที่ไว้ใจได้ อาทิ Truetaobao ผู้ช่วยที่ให้คำแนะนำในการสั่งซื้อผ่านทั้ง 3 เว็บไซต์ พร้อมบริการนำเข้าสินค้าจากจีนมาไทย ส่งตรงถึงหน้าบ้าน